“คิดถึงลุงตู่”
“ยอมปฏิวัติดีกว่าเสียดินแดน”
“ถ้ารัฐประหารได้ ทหารจะได้ใจคนไทยสุดๆ”
“รวบมันทั้งเขมรและรัฐบาลพร้อมกันเลย ทีเดียวจบ”
จากข้อพิพาทแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขยับขยายกลายเป็นความไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมืองและรัฐบาล เมื่อถูกวิจารณ์ว่าไม่เข้มแข็งในการตอบโต้ เพราะยังคงยืนยันแก้ปัญหาด้วยการเจรจาและสันติวิธีไปพร้อมๆ กับยืนยันรักษาเอกราชและอธิปไตย
สอดคล้องกับท่าทีกองทัพที่เพิ่งแถลงร่วมกับนายกฯ (6 มิ.ย. 68) ว่าจะสนับสนุนแนวทางดังกล่าว—แม้บนโซเชียลมีเดียของแต่ละเหล่าทัพ จะแสดงความ ‘พร้อมรบ’ มากกว่าพร้อมเจรจา ซึ่งน่าตั้งคำถามว่าเป็นการปลุกขวัญกำลังใจตามปกติ หรือกำลังแสดงท่าทีสวนทางกับสิ่งที่ ผบ.สูงสุดแถลงร่วมกับรัฐบาล (นักวิเคราะห์หลายคนสงสัยว่ามีความไม่ลงรอยเกิดขึ้นหรือไม่ระหว่างรัฐบาลกับกองทัพ) แต่ไม่ว่าอย่างไร การแสดงแสนยานุภาพกองทัพก็ได้รับคะแนนนิยมบนโซเชียลมีเดียไปเต็มๆ
กระแสโซเชียลมีเดีย มีตั้งแต่เรียกร้องให้ประกาศกฎอัยการศึก ปิดด่านชายแดน ไล่ทูตและคนกัมพูชาออกนอกประเทศ ที่น่ากังวลคือสนับสนุนให้มีการรบ และเรียกร้องหารัฐประหารเพื่ออำนาจเต็มที่ในการจัดการชายแดน
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ข้อมูลแบบไหนบ้างที่กำลังแพร่หลายบนโซเชียลมีเดีย นับตั้งแต่เหตุปะทะที่ช่องบก (28 พ.ค. 68) จนถึงปัจจุบัน
ภาพ AI ภูมิธรรมไหว้ฮุนเซน
เพื่อเข้าใจว่าเหตุใดจึงมีกระแสเรียกร้องรัฐประหาร ก็ต้องเห็นก่อนว่าข้อมูลแบบใดที่ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นนักการเมือง
นอกจากความสัมพันธ์ใกล้ชิด ‘ทักษิณ-ฮุนเซน’ ที่มักถูกใช้โจมตีรัฐบาลชินวัตรเสมอว่าเอื้อประโยชน์ชาติอื่น (ตั้งแต่ MOU44-เกาะกูด) ช่วงหลังมานี้ผู้ที่ถูกโจมตีหนักที่สุดหนีไม่พ้น ‘ภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ถูกวิจารณ์ว่าอ่อนน้อมต่อกัมพูชามากเกินไป โดยเฉพาะกรณีปรากฏภาพ-คลิปที่ถูกสร้างโดย AI เป็นภาพฮุนเซนลูบหัวภูมิธรรมที่กำลังก้มไหว้ มีการแชร์ต่อจำนวนมากในหลายแพลตฟอร์ม
แม้มีการท้วงติงจากคนจำนวนมากว่าเป็นภาพที่ถูกจำลองขึ้นมา แต่ก็มีประชาชนจำนวนมากเชื่อว่าเป็นของจริง สิ่งนี้ยิ่งสนับสนุนเรื่องเล่านักการเมืองไทย (โดยเฉพาะองคาพยพของพรรคเพื่อไทย) อ่อนน้อมเกรงใจกัมพูชา ต่อมา ประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.DE สั่งตรวจสอบที่มาภาพ ลั่นพร้อมดำเนินคดี เหตุกระทบความมั่นคง ทางด้านภูมิธรรมยันตนไม่เคยพบฮุนเซน
หลังประเสริฐกล่าวว่าจะดำเนินคดี โพสต์รูปและคลิปก็ถูกลบออกเป็นจำนวนมาก ทว่ายังถูกโพสต์ใหม่เรื่อย ๆ บน TikTok รวมถึงหลายโพสต์เฟซบุ๊กที่ยังคงมีอยู่ บางโพสต์มียอดแชร์ถึง 3.8 พันครั้ง คอมเมนต์กว่า 1.4 หมื่น
“ไอ้อ้วนชัวร์ขึ้ข้าตระกูลฮุน”
“ให้ไอ้ผู้นำกัมพูชาลูบหัวเลยนะไม่บ้าก็บวมแหละวะ😂😂😂😂”
“โถประเทศไทยตายละทำไมเป็นกันอย่างนี้สงสารประเทศไทยจังเลย”
ภาพ AI ภูมิธรรมไหว้ฮุนเซน และบางส่วนของคอมเมนต์วิจารณ์
ข่าวลือปลดแม่ทัพภาคที่ 2 – กัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่
หลังเหตุปะทะที่ช่องบก มีข่าวลือว่าภูมิธรรมต้องการปลด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ออกจากตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 เพราะไม่พอใจข้อเสนอปิดชายแดน และขัดคำสั่งรัฐมนตรี อีกทั้งมีข่าวว่ากองทัพกัมพูชาวางทุ่นระเบิดเพิ่มตามแนวชายแดน โดยภูมิธรรมปฏิเสธทั้งสองข่าวว่าไม่เป็นความจริง โดยกรณีหลัง เขาชี้ว่าระเบิดเหล่านั้นเป็นของเก่า
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงถูกโจมตีต่อเนื่องว่าการสื่อสารมีปัญหา และไม่เอาจริงเอาจังต่อท่าทีแข็งกร้าวของกัมพูชา ทั้งความหนักแน่นของฮุนมาเนตที่จะนำข้อพิพาทขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และการตรึงแนวรบของทหารกัมพูชา
ล่าสุด มวลชนกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และเครือข่ายกองทัพธรรม นำโดย พิชิต ไชยมงคล บุกกลาโหม จี้ภูมิธรรมแสดงความชัดเจนว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ไม่เช่นนั้นก็ออกจากตำแหน่งไป และยังวิจารณ์ว่าอย่าเกรงใจฮุนเซนเพราะเป็นเพื่อนสนิททักษิณ
หนึ่งในคลิป TikTok ที่หนุนปฏิวัติจากข่าวลือปลดแม่ทัพภาคที่ 2 มียอดรับชมกว่า 7 แสนครั้ง มีคอมเมนต์สนับสนุนจำนวนมาก
“ทหาร.ยึดอำนาจเลยครับ ไม่เคยชอบการรัฐประหาร แต่.รอบนี้.สนับสนุนเต็มที่”
“รัฐบาลอ่อนแอไม่พยายามที่รักษาผืนแผ่นดินของชาติ
ยึดอำนาจครับเพื่อประเทศชาติรอบนี้หนับหนุนเต็มที่ทหารออกมาครับ”
“…ถ้าทหารออกมาอย่าด่ากันนะเขาทำเพื่อประเทศ…”
“รัฐประหารเลยเบื่อนักการเมือง”
“มันถึงเวลาที่ทหารต้องยึดอำนาจกลับแล้ว”
คลิป TikTok และคอมเมนต์หนุนทหารปฏิวัติ จากข่าวลือปลดแม่ทัพภาคที่ 2
#คิดถึงลุงตู่
ตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวพบคลิปวิดีโอจำนวนมากกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ก่อรัฐประหารเมื่อปี 2557 รูปแบบของเนื้อหาวิดีโอเป็นไปในทางชื่นชมความเด็ดขาดของประยุทธ์
อาทิ คลิปประยุทธ์ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชี้แจงปัญหาชายแดนใต้ในสภาเมื่อปี 2562 ที่กล่าวถึงความจำเป็นของการมีทหารเกณฑ์
รวมถึงหนึ่งในคลิปที่ไวรัลที่สุดบนหลายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย นั่นคือคลิปสั้นประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อ (25 เม.ย. 54) ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบก ช่วงที่มีการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากกรณีเขาพระวิหาร โดยกล่าวว่า
“ไม่ยากหรอกครับรบกัน ไม่ยาก
ผมยืนยันได้ว่าถ้าสั่งวันนี้ พรุ่งนี้ผมก็ต้องยึดให้ได้
สั่งมาๆ ก็สั่งมา ผมจะเข้าตีให้”
ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งโพสต์คลิปดังกล่าว มียอดรับชมเกินกว่า 2 ล้านครั้ง ผู้คนจำนวนมากคอมเมนต์ในเชิง “คิดถึงลุง”
นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ใช้ TikTok ชื่อ ‘ทหารเป็นตาฮัก’ (Username: army_3div มีผู้ติดตามเกือบ 5 หมื่นบัญชี) ได้รีโพสต์คลิปดังกล่าว ผู้สื่อข่าวกดลิงก์ที่ใส่ไว้ในโปรไฟล์ของผู้ใช้รายนี้ ปรากฏเพจเฟซบุ๊กของกองพลทหารราบที่ 3 (พล.ร.3) ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา
ภาพที่ 1: TikTok ทหารเป็นตาฮัก (army_3div) รีโพสต์คลิปสั้นประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เมื่อปี 54 กดลิงก์แนบโปรไฟล์ พบเป็นเพจเฟซบุ๊ก พล.ร.3
เมื่อเข้าไปดูการกดถูกใจของเพจกองพลทหารราบที่ 3 ก็พบว่าเพจ พล.ร.3 นี้ ได้กดถูกใจเพจเฟซบุ๊กชื่อ ‘ทหารเป็นตาฮัก’ ที่ใช้รูปโปรไฟล์ตัวการ์ตูนทหารรูปเดียวกัน มีผู้ติดตามกว่า 4.5 แสนคน เลื่อนดูบนไทม์ไลน์พบว่าอัปโหลด คลิป Reel ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์คลิปเดียวกันกับที่รีโพสต์บน TikTok มียอดรับชมเกินกว่า 2.5 แสนครั้ง คอมเมนต์ไปในทิศทางคล้ายกันคือชื่นชมประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภาพที่ 2: เพจ พล.ร.3 กดถูกใจเพจ ทหารเป็นตาฮัก
เพจดังกล่าวตั้งขึ้นเมื่อปี 62 ในชื่อ ‘พลทหารที่รัก’ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันเมื่อปี 64 เนื้อหาที่โพสต์แทบทั้งหมดเกี่ยวกับทหาร ส่วนมากดูดคลิปจากแหล่งต่าง ๆ มาลง มีการเขียนโพสต์เองบ้าง เช่น ‘พาโล อปริณายโก “คนโง่ ไม่ควรเป็นผู้นำ!!”’ (5 มิ.ย. 68)
ผู้สื่อข่าวสืบค้นโปรไฟล์เฟซบุ๊ก พบว่าใส่ข้อมูลระบุที่อยู่คือเทศบาลนครนครราชสีมา เบอร์โทรศัพท์ 044 242 035 และอีเมลติดต่อ 22331data22331@gmail.com โดยเบอร์โทรนี้เป็นเบอร์ติดต่อของกองพลทหารราบที่ 3 และเมื่อนำอีเมลไปค้นหา พบว่าบัญชี Gmail ใส่ตราสัญลักษณ์ของ พล.ร.3 เป็นรูปโปรไฟล์
ภาพที่ 3: เพจทหารเป็นตาฮัก โพสต์คลิปเดียวกันกับที่รีโพสต์บน TikTok และข้อมูลโปรไฟล์ระบุเบอร์โทรกองพลทหารราบที่ 3
ภาพที่ 4: รูปโปรไฟล์ Gmail ที่ระบุในเพจทหารเป็นตาฮัก
เพจดังกล่าวยังเคยถ่ายทอดสดการเกณฑ์ทหารที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อ 7-8 เม.ย. 65 โดยมุมกล้องถ่ายจากมุมยืนด้านหน้า บริเวณที่เจ้าหน้าที่ยืนประจำการอยู่ขณะจับใบดำ-ใบแดง
คำถามที่น่าสนใจคือ เหตุใดจึงพบความเชื่อมโยงระหว่างเพจดังกล่าวกับกองพลทหารราบที่ 3 เป็นจำนวนมาก ทั้งยังได้โพสต์เนื้อหาที่สวนทางกับแนวทางที่รัฐบาลพลเรือนพยายามปฏิบัติ คือยึดสันติวิธีโดยเตรียมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน แม้แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพที่แถลงข่าวเองก็ยืนยันตามนั้น
ภาพที่ 5: การถ่ายทอดสดวันเกณฑ์ทหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อ 7 เม.ย. 65 และ 8 เม.ย. 65
ท่าทีบนโซเชียลมีเดียกองทัพ
หลังจากเพจเฟซบุ๊กกองทัพบกโพสต์ เชิญชวนคนไทยติดแฮชแท็กให้กำลังใจทหาร #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ก็ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีคนแชร์ต่อกว่า 6.8 หมื่นครั้ง และคอมเมนต์ใต้โพสต์กว่า 8.1 พัน หรือโพสต์รูปภาพเจ้าหน้าที่กับอาวุธรบของกองทัพอากาศ พร้อมแคปชั่น “หกเดือนหก (6.6)⚡ กองทัพอากาศ เตรียมความพร้อม สั่งวันนี้ • ส่งทันที • ถึงที่หมาย” ตามกระแสซีรีส์ ‘สงคราม ส่งด่วน’ เป็นที่ถูกอกถูกใจชาวเน็ตมาก แชร์ต่อกว่า 1.8 หมื่นครั้ง และคอมเมนต์ใต้โพสต์กว่า 2.5 พัน
กระแสตอบรับของทั้งสองโพสต์เป็นไปในทางเดียวกันคือสนับสนุนทหาร รูปภาพถูกนำไปโพสต์ใหม่นับไม่ถ้วน แม้มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ท้วงติงว่าท่าทีเช่นนี้คือการเรียกร้องการสู้รบมากกว่าเจรจาหรือไม่ แต่ต่อมาทางกองทัพบกก็โพสต์รูปภาพพร้อมแคปชัน “การสนับสนุนทหาร ไม่ใช่การสนับสนุนสงคราม ทหารเตรียมความพร้อม เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย” เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหา
ซ้าย: โพสต์ของกองทัพบก (5 มิ.ย. 68)
ขวา: โพสต์ของกองทัพอากาศ (6 มิ.ย. 68)
ต่อมา ช่วงดึกของวันที่ 6 มิ.ย. 68 เพจเฟซบุ๊ก ‘กองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters’ โพสต์รูปหมู่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้นำเหล่าทัพ รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคำบรรยายว่าสนับสนุนกองทัพบกในทุกมิติ อันเป็นใจความในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ช่วงหัวค่ำวันเดียวกัน หลังการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4 ประจำปีงบประมาณ 2568
“ทุกเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
พร้อมสนับสนุน กองทัพบก ในทุกมิติ และทุกระดับการปฏิบัติ
เพื่อป้องกันอธิปไตย และปกป้องคุ้มครองประชาชนชาวไทย”
#ปกป้องอธิปไตย
#พร้อมสนับสนุนกองทัพบกในทุกมิติ
#Dutyfirst
คอมเมนต์ใต้โพสต์จำนวนไม่น้อยสนับสนุนให้ยึดอำนาจ
“ขอรัฐประหาร..คืนอำนาจให้ประชาชน”
“ไหนๆออกมาแล้วปฎิวัติแม่งเลย ลำคาญพวกแย่งกันกินเมือง”
“อันดับแรกที่ต้องจัดการก่อนคือยึดอำนาจจากรัฐบาลโง่ๆมาก่อนมันจะได้ไม่ขวาง…”
ฯลฯ
โพสต์ของกองบัญชาการกองทัพไทย และคอมเมนต์บางส่วน
ในรูปซ้ายมือ จากซ้ายไปขวา: พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ (ผบ.ทร.), พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล (ผบ.ทอ.),
พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี (ผบ.สส.), พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ผบ.ทบ.), พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ (ผบ.ตร.)
จนถึงตอนนี้ (7 มิ.ย. 68) เพจกองบัญชาการกองทัพไทยยังโพสต์ย้ำจุดยืนในลักษณะเดิม คือทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมยืนเคียงข้างกองทัพบก ด้วยภาพประกอบแตกต่างกันไป หนึ่งในนั้นคือรูปหมู่ พล.อ.ทรงวิทย์ พร้อมนายทหารจำนวนหนึ่ง มียอดแชร์กว่า 1 พันครั้ง
อย่างไรก็ตาม ช่วง 7.00 น. (7 มิ.ย. 68) เพจ ‘สำนักงานโฆษกกระทรวงกลาโหม’ โพสต์แถลงการณ์ของภูมิธรรม ยืนยันสนับสนุนกองทัพอย่างเต็มกำลังเช่นกัน โดยเพจกองบัญชาการฯ ก็มีการแชร์ต่อโพสต์ดังกล่าว พร้อมคำบรรยายโพสต์สั้นๆ เพียงว่า “กลาโหมเผยแพร่ แถลงการณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม #oneteamทัพไทย”
ที่มา: กองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters
เพจกองบัญชาการฯ แชร์โพสต์แถลงการณ์จากเพจสำนักงานโฆษกกระทรวงกลาโหม
น่าจับตากระแสรักชาติ สนับสนุนทหารและการรบ ที่กว้างขวางอย่างมากในโซเชียลมีเดีย รวมทั้งเริ่มมี ‘nostalgia’ ถึงการรัฐประหารปรากฏให้เห็น ต้นทางของคลิปเหล่านี้มาจากหลายแหล่ง แต่กองทัพเองก็มีบทบาทสูงในการประชาสัมพันธ์บทบาทตนเองเช่นกันและดูเหมือนจะยิ่งส่งเสริมกระแสดังกล่าวโดยปริยาย