นายกฯ ประชุมทูตทั่วโลก ย้ำไทยแลนด์ต้องคึกคักทั้งการค้าและการทูต… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่

นายกฯ มอบนโยบายเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ขอทำงานเชิงรุกต่อยอดจุดแข็งของไทย พร้อมแสวงหาโอกาสภายใต้ความท้าทาย เร่งส่งเสริมบทบาทไทยในประชาคมโลก นำผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการค้าขายให้ประเทศและประชาชน

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายผ่านบันทึกวีดิทัศน์ ในพิธีเปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจําปี 2568 ภายใต้หัวข้อ “การทูตเชิงรุกที่ตอบโจทย์ประชาชน : จากนโยบายสู่การปฏิบัติ” โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีต่อการจัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกในครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ ในฐานะด่านหน้าของประเทศไทยในประชาคมโลก โดยการประชุมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจัดทำแผนการดำเนินงานขับเคลื่อนประเทศไทยร่วมกัน ภายใต้หัวข้อการประชุมซึ่งมุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทยทุกคน

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงบริบทโลกในปัจจุบันที่กำลังปรับสู่โครงสร้างโลกหลายขั้วอำนาจ (Multipolar World) โดยระบบพหุภาคีกำลังเสื่อมถอยลง และการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะสงครามการค้าและเทคโนโลยี การแย่งชิงทรัพยากร ซึ่งส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างประเทศ เศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบถึงไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

Advertisements
ทำให้เกิดคำถามสำคัญคือ “ไทยจะวางยุทธศาสตร์อย่างไรในบริบทการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและมีความท้าทายอย่างรอบด้านนี้ เพื่อให้ไทยและประชาชนชาวไทยได้ประโยชน์สูงสุด ภายใต้โครงสร้างอำนาจและระเบียบโลกใหม่ที่จะเกิดขึ้นต่อไป”

โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ 2 ประเด็นสำคัญ ภายใต้บริบทปัจจุบัน ได้แก่ 1) การเสริมสร้างและต่อยอดจุดแข็งของประเทศ และ 2) การแสวงหาและช่วงชิงโอกาสใหม่ ๆ ภายใต้ความท้าทายได้อย่างฉับไวทันท่วงที โดยไทยมีจุดยืนทางการทูตที่ชัดเจนคือ ความเป็นมิตรและเข้าได้กับทุกฝ่าย รวมถึงมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับนานาประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน ทำให้ไทยสามารถรักษาผลประโยชน์ ควบคู่กับการสร้างโอกาสได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะในบริบทโลกในปัจจุบัน

 

นายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 46 และเห็นถึงความสอดคล้องในทิศทางการต่างประเทศของไทยกับอาเซียนหลายประการ ได้แก่ (1) การมุ่งหาโอกาสและเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในประเทศและภูมิภาคให้มากขึ้น (2) การหาเพื่อนและหุ้นส่วนใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ (3) การยึดมั่นในระบบพหุภาคีและระบบการค้าพหุภาคี

(4) ความมุ่งมั่นในการรับมือกับความท้าทายทั้งในปัจจุบันและอนาคต และ (5) การดำเนินนโยบายที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจากความสอดคล้องเหล่านี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่าไทยควรร่วมกันขับเคลื่อนการทูตในเชิงรุกที่ฉับไวและเป็นเอกภาพมากขึ้น

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก โดยเฉพาะการเร่งจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTAs) กับประเทศหรือกลุ่มประเทศเป้าหมาย เพื่อรักษาโอกาสในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ทั้งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว

พร้อมใช้โอกาสนี้ในการสตาร์ตเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ ผ่านการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์แห่งอนาคต และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ควบคู่กับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยให้มีความอยู่ดีกินดี มีรายได้ที่มั่นคง

นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยต่อยอดจุดเด่นด้านที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ของไทย ผ่านการส่งเสริมความเชื่อมโยงทั้งทางบก เรือ และอากาศ โดยเฉพาะโครงการ Landbridge ตลอดจนการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการยกระดับทักษะที่จำเป็น เพื่อวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับอนาคต

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีขอให้ที่ประชุมใช้โอกาสนี้ร่วมกันกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนการต่างประเทศของไทย ตามแนวนโยบายรัฐบาล ในบริบทโลกที่กำลังแปรผันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ไทยยังคงเป็นผู้เล่นสำคัญ (Relevant Player) ในประชาคมโลก และนำมาซึ่งผลประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที พร้อมนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เสริมจุดแข็งผ่าน Soft Power กระตุ้นการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว และยกระดับบทบาทไทยในภูมิภาคและเวทีโลก

อนึ่ง การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกประจําปี 2568 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-14 มิถุนายน 2568 ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ได้รับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกับผู้กำหนดนโยบาย หน่วยงาน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ภายใต้บริบทโลกที่เปลี่ยนแปลงและผันผวนอย่างมาก… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/politics/news-1824862

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *